Das Leben ist einer Reise.

Das Leben ist einer Reise.
สวัสดี เราชื่อ มะกรูด

เราชอบเที่ยว ชอบถ่ายรูป ชอบคุยกับคนแปลกหน้า และชอบคนหน้าแปลก ชอบหัวเราะใส่หน้าคน ชอบอะไรก็ตามที่มันทำให้ยิ้มได้ และที่สำคัญ....เราชอบหลงทางงงงงงง !!!!

ท่านผู้อ่านทั้งหลายยยย ในเมื่อท่านพลัดหลงเข้ามาในบล็อกของผมแล้วก็อย่าจากไปมือเปล่าโดยไม่อ่านบันทึกเรื่องราวการเดินทางมันส์ๆสิ ถือซะว่าหลงทางมาเหนื่อยๆนั่งพักอ่านอะไรเพลินๆไปก็ได้นะ ไม่แน่ว่าบันทึกเหล่านี้ของผมอาจจะเป็นชนวนจุดไฟให้กับเท้าของคุณได้ออกเดินทางอีกครั้งนึงก็ได้

"การหลงทางไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็นการเริ่มต้นสู้การเดินทางบทใหม่" นะจ๊ะ เพราะฉะนั้นแล้ว นั่งลง ตั้งสติ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพร้อมผจญภัยไปกับผมได้เลยย !

Saturday, June 13, 2015

เที่ยวข้ามปี ต้องมี 2 ประเทศ! [ภาค3]....เชียงคาน วันวานที่ไม่เหมือนเดิม

ใครที่พลาด [ภาค1] และ [ภาค2] ไป สามารถตามอ่านได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างเลยฮะ



มาถึงบทสรุปไตรภาคของทริปพวกเรา 4 หนุ่ม F4 กันซักที หลังจากกลับมาจากลาว แน่นอนครับว่าเราจะต้องหาที่เที่ยวส่งท้าย เที่ยวจนเลือดเลี้ยงขาไม่ทัน เที่ยวให้เหมือนกับล้มละลาย เที่ยวกันให้ตายกันไปข้างนึง (นี่ไปเที่ยวหรือไปรบ !!!!??)

ถ้าพูดถึงอีสานแน่นอนว่าที่แห่งนี้จะผุดออกมาทักทายทุกคนเป็นอันดันต้นๆ พวกเราเองก็เช่นกัน จุดหมายที่เราจะไปกันคือ....เชียงคานครับ

เราจองรถประจำทางนั่งจากตลาดเช้าที่ลาวมาลงยังอุดรฯ แล้วนั่งรถต่อไปยังจังหวัดเลยครับ มาถึงก็ประมาณทุ่มกว่าๆ เลยนั่งรอรถ 2 แถวที่จะขึ้นไปเชียงคานกันที่ท่ารถ...หน้าตาก็ประมาณนี้ครับ


หลังจากรอคนได้ซักพักก็ได้เวลาขึ้นไปเชียงคาน พอเริ่มดึกอากาศก็เริ่มหนาวครับ ยิ่งพอตอนรถวิ่งเร็วจนทำให้อากาศตีเข้ามาในรถเนี่ย ไม่เป็นศพแข็งตายบนหลังรถก็บุญละฮะ !

เรามาถึงเชียงคานประมาณ 3 ทุ่มเห็นจะได้ จึงรีบตรงบึ่งเข้าที่พักก่อนเลยฮะ แน่นอนว่าทริปนี้ผมคาดหวังจะได้เห็นบรรยากาศความเก่าและเก๋าของเชียงคาน แต่บางสิ่งบางอย่างมันเปลี่ยนไปค่อนข้างมากจนทำให้ตกใจเลยทีเดียว


ป้ายแรกของเชียงคานที่ผมเจอคือป้ายนี้ฮะ....เราชอบหนังเรื่องนี้มาก นึกถึงบ้านไม้เก่าๆ บ้านแถวเก่าๆเรียงยาวจนสุดซอย ผู้คนอยู่กันอย่างสงบสุข คงเสน่ห์ของชุมชนแถบชนบทไว้......แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันไม่ใช่เลยยยยยยยยย นี่มันผับแถวข้าวสารหรืองานสงกรานต์สีลมกันแน่ ! คนเยอะมากกกกกกก เยอะจนหาที่เดินไม่ได้ หายใจเข้าก็แทบโดนคนมองหน้าอารมณ์ว่ามาแย่งอากาศกูทำไม พอหายใจออกก็ต้องระวังเพราะกลัวไปเป่าคอใครเข้า เบียดกันจนสิวแทบหลุด!!


เราจองที่พักกับแม่ธิดารัตน์ไว้ฮะ สารรูปบาปเลยว่า เรามาจองที่พักกันช่วงก่อนเดินทางไม่กี่วัน หากันจนแทบจะเปลี่ยนที่เที่ยวแล้วก็ยังหาไม่เจอ จนมาเจอที่พักนี้ ป้าบอกมีที่บนหลังคา แต่นอนเต๊นท์นะ เราก็ตอบตกลงเลยฮะ จะให้นอนในห้องน้ำก็เอาครับ ณ ตอนนั้น (แต่ขอหมอนด้วยนะ)


หลังจากอาบน้ำอาบท่ากันเสร็จ ใส่น้ำหอมลงไปหน่อยเผื่อจะมีสาวมาหลง พวกเราก็เริ่มท่องเที่ยวยามราตรีตามถนนที่ทอดยาวแห่งนี้ฮะ





อย่างที่ผมบอก ว่าหลายสิ่งหลายอย่างมันไม่เหมือนกับที่ผมคิดไว้ ความเก่าและความเก๋าหลายๆอย่างหายไป แต่ก็ไม่ทั้งหมด ที่นี่ยังคงมีบางกลุ่มที่อนุรักษ์วิถีชีวิตดั้งเดิมของคนเชียงคานไว้ ทำให้บรรยากาศเก่าๆยังคงอยู่ครับ


เดินมาจนจะสุดซอย คนเริ่มเบาบางลง อาจเป็นเพราะใกล้จะดึกแล้วจึงเริ่มเข้านอนกัน แต่พวกเรายังมีแรงเหลือเฟือครับ เลยขอต่ออีกซักเล็กน้อย


เราชอบป้ายบอกทางนี้มากเลยยนะ คือชั้นอ่านแล้วมันมีประโยชน์อะไรกับชั้นไม๊ !? ไม่ได้ช่วยอะไรชั้นเลย แต่ทำไมชั้นถึงหัวเราะออกมาละ ชั้นรู้สึกรักคนทำป้ายนี้จัง 5555555


วัยรุ่นที่นี่ก็พลังเหลือเฟือฮะ สร้างสีสันให้ผู้คนที่ผ่านไปมาได้ไม่น้อย


เลยมา...เชียงคาน

เอาละ ได้เวลาเข้านอนละ เค้าบอกว่ามาเชียงคานทั้งทีต้องได้ตักบาตรข้าวเหนียวนะ เราจึงต้องเตรียมตัวเพื่อจะตื่นมาตอนเช้าให้ทันกิจกรรมนี้ครับ



ประเพณีตักบาตรข้าวเหนียวหลายๆคนมักจะนึกถึงประเทศลาวกัน แต่จริงๆแล้วที่เชียงคานก็มีประเพณีนี้สืบทอดกันมาร่วมร้อยปีแล้วนะเอออ แถมขั้นตอนวิธีการตักบาตรนั้นไม่ใช่แค่ใส่ของไปเฉยๆนะ ที่นี่จะมีวัฒนธรรมที่ค่อนข้างน่าสนใจคือ เวลาจะตักบาตรต้องถอดรองเท้าเพราะไม่งั้นจะถือว่าอยู่สูงกว่าพระ การตักข้าวเหนียวใส่บาตรพระต้องนึ่งสุกมาใหม่ๆและให้ใช้นิ้วมือคีบข้าวเหนียวโดยไม่ต้องทำให้เป็นก้อนแล้วใส่ลงในบาตรพระ คนที่นี่จะไม่นิยมใส่อาหารถุงลงไปในบาตรแต่อาจจะมีขนมนมเนยบ้างเล็กน้อย และสำคัญเลยคือห้ามนำเงินใส่บาตรพระนะครับบบ ใครที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนก็อย่าลืมทำตามประเพณีที่ถูกต้องของเค้าด้วยละ

หลังจากเคลียภารกิจแรกของวันเรียบร้อย พวกเรา 4 คนจะไปลุยกันต่อที่ภูทอกครับ (ที่นี่จะไม่เหมือนกับที่บึงกาฬนะ)


เรากำลังรอรถขึ้นไปส่งบนยอดภูทอกครับ แถมพระอาทิตย์แอบขึ้นมาทักทายก่อนที่เราจะขึ้นไปบนยอดแล้วด้วย น่าเสียดายมาก


ตั้งแต่เช้าเรายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย และเมื่อเราเดินผ่านแม่ค้าขายไข่ เธอคือนางฟ้าผู้มาโปรดของพวกเราฮะ แทบจะวิ่งเข้าไปหอมแก้ม 3 ที แล้วชูนิ้วตะโกน เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ ไข่ 4 ใบนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนพลังงานให้พวกเราทั้ง 4 ตั้งแต่ขึ้นและลงภูทอกครับ

เมื่อพวกเราขึ้นไปถึงยอด พวกเราก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ปรากฎเบื้องหน้าครับ ! เพราะมันคือ....


คนเป็นล้านนนนนนนนนนน !!! กรุงเทพฯว่ารถติดแล้ว นี่บนภูทอกคนติดฮะ !!! มุมไหนดี มุมไหนสวยคนจะเข้าไปรุมเหมือนห่าลงฮะ หาจุดยืนแทบไม่ได้ 




ถึงแม้จะไม่ทันวิวพระอาทิตย์ขึ้น ถึงแม้คนจะล้นจนไม่มีที่ยืน แต่ภาพก็ไม่ได้ลดความสวยลงเลยฮะ แต่เสียดายที่วันนั้นไม่เห็นหมอก ไม่งั้นคงจะฟินกว่าเยอะ !


พวกเราตัดสินใจเดินลงภูทอกกันฮะ เพราะคนรอต่อคิวขึ้นรถลงก็ไม่ได้น้อยๆเลย ซึ่งไม่ผิดหวังฮะ เราไปเจอจุดให้มองวิวเมืองเชียงคานอีกจุดนึง ไม่ค่อยมีคนเลยด้วย สบายเราสิทีนี้



มุมพร้อม วิวพร้อม มีหรือที่นายแบบจะไม่พร้อม ! พวกนางพร้อมตั้งแต่ขึ้นรถออกจากลาวด้วยซ้ำครับ !!



เดินกันจนขาลากก็ลงมาถึงข้างล่างซักที จุดหมายต่อไปของพวกเราที่จะไปคือ แก่งคุดคู้ ฮะ


แดดชักจะเริ่มก้าวร้าวมากขึ้น แตกต่างจากบนยอดภูมากทีเดียว



ตามตำนานที่อ่านมาตามป้าย แก่งคุดคู้เกิดมาจากคนไปนอนกั้นสายน้ำ จนเกิดเป็นทางคุดคู้ขึ้นมากลายเป็นชื่อสถานที่แห่งนี้ฮะ (ตอนอ่านเสร็จผมก็ทำหน้ามึนเหมือนกันแหละครับ 5555555)


ส่วนตัวผมว่า ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรให้น่าตื่นเต้นมากครับ ใกล้เที่ยงเราจึงตัดสินใจกลับไปที่พักในเชียงคานกัน


กำแพงแห่งนี้ผมยกให้เป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองเชียงคานเลยฮะ เพื่อนผมแทบทุกคนที่มาที่นี่จะต้องได้เอามันมาเป็นฉากหลังกันหมด (รวมถึงพวกเราด้วย)

เพื่อนในกลุ่มคนนึงชวนไปเช่ามอร์ไซต์เพื่อแล่นรอบเมืองเชียงคาน ซึ่งไหนๆเราก็ไม่มีจุดหมายอะไรแล้วเลยตัดสินใจลุยตามแผนนี้กัน เราได้ข่าวว่าที่นี่ยังมีพระใหญ่ซึ่งสำคัญต่อคนที่นี่มากเลย แถมยังเป็นจุดที่แม่น้ำโขงผ่านแดนอีสานแห่งแรกด้วยนะ


แว๊นกันมาประมาณเกือบชั่วโมงก็มาถึงซักที ระหว่างทางค่อนข้างลำบากนิดนึงนะครับเพราะถนนมีหลุมบ่อเต็มเลย บางหลุมนี่เลี้ยงปลาขายส่งออกนอกประเทศได้เลย ใครมาเส้นนี้กรุณาขับด้วยความระมัดระวังนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจาก กลุ่มชุมนุมชายโสดผิวคล้ำแห่งประเทศไทย


เห็นป้ายนี้แล้วอยากจะลงไปลองของมากเลยฮะ หากแต่ว่าเส้นทางในการลงไปนั้น ไม่ได้ให้การต้อนรับที่ดีเท่าไหร่เลย !!!


เราเดินลงมาตามทางเรื่อยๆ (ซึ่งจะเรียกว่าทางเดินก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะหมาเดินยังลำบากเลยครับบบ) พวกเราคิดว่าไม่ค่อยมีคนเดินลงมาเท่าไหร่ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ก็ตาม เพราะบันไดหักทุกขั้น และมีเศษไม้เศษหญ้ากองทับถมเต็มไปหมด แต่เราอยากเห็นกับตาตัวเองครับ เราอยากไปสัมผัสน้ำโขงสายแรกที่ผ่านมายังไทย จนกระทั่งมาถึง อุโมงไม้อันนี้ฮะ

อุโมงคาดว่าถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติ เพราะมันเป็นไม้ไผ่หลายๆแท่งทับกันจนเป็นช่องอุโมงแบบนี้ เราตัดสินใจอยู่นานว่าจะเข้าไปดีไม๊ จนมีพี่ในกลุ่มอาสาไปคนแรก ทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงแปลกๆขึ้น พวกเราได้ยินเสียงเหมือนไม้แตกครับ ตอนแรกนึกว่ากระรอกหรือสัตว์แถวนั้น แต่หันไปก็ไม่เจออะไร จนกระทั่งเสียงไม้แตกครั้งที่ 2 ตามมาเท่านั้นแหละฮะ พวกเราหันหลังกลับแล้วโบกมือลาแม่น้ำโขงทันที 5555555

ใกล้เย็นแล้ว เรารีบแว๊นกลับไปยังที่พักเพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตกครั้งสุดท้ายฮะ อย่างที่บอกว่าเราจองที่พักช้ามากและได้ที่พักบนหลังคา นอนบนเต๊นท์เลย แต่ผมกลับรู้สึกโชคดีมากที่ได้ที่พักบนนี้ ทำไมหน่ะหรอ ไปชมภาพนั้นกันครับ...


ลิง 4 ตัวตะโกนร้องลั่นป่า นั่นคือพวกเราในตอนนั้นฮะ....คือมันสวยยยยยยยยยยยยยยยยสุดยอดมากกกก ที่พักเราติดแม่น้ำโขงทำให้เราสามารถเห็นวิวพระอาทิตย์กำลังตกและแสงที่สะท้อนลงบนแม่น้ำได้อลังการมากกกก เป็นพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในทริปนี้ของพวกเราเลยก็ว่าได้ !



ได้ฤกษ์ส่งท้ายคืนในเชียงคานโดยการเดินตะลอนอีกซักรอบฮะ



ที่นี่นักดนตรีเยอะเหลือเกิน มีทั้งศิลปินเดี่ยว ศิลปินกลุ่ม มาหมดทั้ง K-pop J-pop ลูกทุ่ง ฮิปฮอบ แต่ที่ชอบมากที่สุดเลยคือกลุ่มนี้ฮะ พวกนางนำเครื่องดนตรีทั้งไทยและเทศมาผสมกันแล้วเล่นเพลงสากลได้มันส์มาก โดยเฉพาะพี่ที่เล่นซอด้วง คือนางเล่นเหมือนได้ออกรายการทีวีชื่อประมาณว่าไทยแลนด์ก่อนทะเล้นเลยฮะ มี 10 นางจัด 100 มี 100 นางจัด 8000 คือพลังเยอะเหลือเกิน เล่นได้ร็อคระดับเดียวกะบอดี้แสลมยังไงยังงั้น


อีกหนึ่งสีสันที่สร้างเสียงหัวเราะให้นักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยคือกลุ่มคนที่มายืนนิ่งพวกนี้ฮะ ไม่ว่าจะเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ก็มีครบทุกแบบฮะ จำนวนเงินที่แต่ละคนได้ขึ้นกับระดับความยากของท่าและระดับความน่ารักของคนครับ ผมว่าที่มันฮิตเพราะว่ามันง่ายนี่แหละ หยิบแป้งมาทาหน้าซักขวด นึกท่าเจ๋งๆซักท่า แล้วก็วางหมวก ออกไปยืนอยู่อย่างงั้น เมื่อยก็เปลี่ยนตัว คนก็เที่ยวใส่เงินให้ โอ้โห อะไรจะง่ายปานนั้น

แต่ที่เด็ดที่สุดต้องหลีกทางให้นางนี้ครับ.....


เจ้าตูบนิ่งงงง !!!!!!!!!! นี่มันจะล้ำเส้นมนุษย์เกินไปแล้วนะ ! คนยืนให้นิ่งนานๆยังยาก แต่เจ้าตูบนี่มันนิ่งได้เท่ไม่เกรงใจ ณเดช เลย ใครผ่านไปมา เอาอะไรมาล่อ นางไม่สนใจเลยอะ คือถ้าเป็นผมแค่มีเศษกระดูกลอยผ่านหน้านี่วิ่งไปหาไม่คิดชีวิตแล้วนะ แล้วทำไมมันถึงแหกกฎความเป็นหมาได้หล่อขนาดนี้ ! 

ประทับใจกันไม่น้อยเลยฮะกับเรื่องราวในเชียงคานครั้งนี้ของพวกเรา แม้หลายๆสิ่งหลายๆอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งใหม่ๆที่เข้ามาก็ถือเป็นสีสันและเป็นคลื่นลูกใหม่ในการทำให้เสน่ห์ของเชียงคานแตกต่างจากที่อื่น หวังว่าคลื่นเหล่านั้นจะไม่ทำลายความเป็นเชียงคานจนหมดไปละกันนะ 

หมดจากคืนนี้ไปก็เป็นเวลาที่จะต้องจบทริปตะลอน 2 ประเทศ 7 วัน 7 คืนของพวกเราซะแล้ว สถานที่แต่ละอย่างมันสร้างความทรงจำที่ดีกับพวกเรามากเลย ใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนสถานที่เหล่านั้นก็อย่าลืมเคารพคนท้องถิ่นเค้าด้วยนะฮะ แล้วก็เก็บภาพมาฝากผมให้หายคิดถึงด้วยหล่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนภาคสุดท้ายครับ สถานที่ที่ผมได้หลงทางต่อไปนั้นจะเป็นอะไร รอชมกันได้เร็วๆนี้ฮะ บรัยยยยยย

เที่ยวข้ามปี ต้องมี 2 ประเทศ....แต่ไปเสม็ดต้องเสร็จทุกราย #มะกรูดคนคม

29/12/2014 - 3/01/2015

1 comment: