Das Leben ist einer Reise.

Das Leben ist einer Reise.
สวัสดี เราชื่อ มะกรูด

เราชอบเที่ยว ชอบถ่ายรูป ชอบคุยกับคนแปลกหน้า และชอบคนหน้าแปลก ชอบหัวเราะใส่หน้าคน ชอบอะไรก็ตามที่มันทำให้ยิ้มได้ และที่สำคัญ....เราชอบหลงทางงงงงงง !!!!

ท่านผู้อ่านทั้งหลายยยย ในเมื่อท่านพลัดหลงเข้ามาในบล็อกของผมแล้วก็อย่าจากไปมือเปล่าโดยไม่อ่านบันทึกเรื่องราวการเดินทางมันส์ๆสิ ถือซะว่าหลงทางมาเหนื่อยๆนั่งพักอ่านอะไรเพลินๆไปก็ได้นะ ไม่แน่ว่าบันทึกเหล่านี้ของผมอาจจะเป็นชนวนจุดไฟให้กับเท้าของคุณได้ออกเดินทางอีกครั้งนึงก็ได้

"การหลงทางไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็นการเริ่มต้นสู้การเดินทางบทใหม่" นะจ๊ะ เพราะฉะนั้นแล้ว นั่งลง ตั้งสติ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพร้อมผจญภัยไปกับผมได้เลยย !

Monday, May 18, 2015

เที่ยวข้ามปี ต้องมี 2 ประเทศ! [ภาค1]....มีอะไรอยู่ในบึงกาฬ

ปีใหม่ไปไหนกันดี !!!?? ปัญหาโลกแตกที่ทุกๆสิ้นปีจะผุดขึ้นมาให้ผู้คนได้คิดกันหัวแทบระเบิด ใช้ Google ก็แล้ว ดูรีวิวก็แล้ว ก็เจอแต่สถานที่เดิมๆ นี่ถ้ากระทรวงศึกษาสามารถบรรจุคำถามนี้ไว้ในข้อสอบชิงทุนให้เด็กฉลาดมาช่วยกันคิดได้คงจะช่วยชีวิตมนุษยชาติไปได้หลายคน ผมและเพื่อนๆระดมพลครั้งใหญ่เพื่อหาคำตอบสั้นๆว่า "เราจะไปไหนกันดี" แล้วจู่ๆก็มีคนเสนอขึ้นมาว่า......ไปลาวกันไม๊??.......ตอนนั้นให้อารมณ์เหมือนดื่มซุปไก่สกัดยี่ห้อนึงแล้วมีพลุหลายสิบดวงจุดมาเป็นฉากหลังยังไงยังงั้น ในเมื่อมันหาที่เค้าดาวน์ในประเทศไม่ได้ ก็เอามันนอกประเทศนี่หล่ะวะ

แน่นอนว่าทริปนี้มันจะธรรมดาได้อย่างไร ในเมื่อ 4 หนุ่มหน้าตี๋ ดีกรี F4 รวมตัวกัน มันต้องมีเรื่องให้มากกว่านี้! พวกเราตัดสินใจจะไปเที่ยวซักที่ก่อนจะไปลาวซึ่งคงไม่พ้นดินแดนในแถบอีสาน ในหัวผมจึงผุดชื่อขึ้นมาชื่อนึง...."บึงกาฬ"....เห้ยยย! มันเป็นจังหวัดที่ใหม่และคนยังไปเที่ยวกันไม่เยอะ รีวิวก็แทบจะหาดูไม่ได้ตอนนั้น รู้อย่างเดียวว่ามันมี ภูทอก!.....แล้วไอภูทอกนี่มันคืออะไร!? อยากรู้ใช่ไม๊!? งั้นก็ไปที่นี่แหละ ง่ายดี 55555



เรานั่งรถทัวร์วันที่ 29 ธันวา แล้วมาถึงบึงกาฬตอนตี 5 ระหว่างนั้นก็นอนในท่ารถเลยฮะ รอพระอาทิตย์ขึ้นแล้วค่อยออกเดินทาง บรรยากาศในตัวเมืองค่อนข้างดีเลย สมเป็นเมืองที่ความหลากหลายทางพันธุกรรมยังไม่เยอะ ความเป็นชนบทยังอยู่ครบ ผู้คนในเมืองน่ารักยิ้มแย้มมาก

เราเจรจาต่อรองกับรถสองแถวจากท่ารถให้มาส่งที่ภูทอกและพาไปส่งที่ท่ารถที่จะไปลาวต่อในราคาเอาเปรียบมากครับ.....หมายถึงพวกผมเอาเปรียบเค้านะ กดราคายับมาก 55555


พวกผมถึงภูทอกกันประมาณ 9 โมงครับ ภูทอกจริงๆแล้วมี 2 ที่คือที่บึงกาฬกับอีกที่คือเชียงคาน ภูทอกในภาษาอีสานหมายถึง ภูเขาที่โดดเดี่ยว ซึ่งที่บึงกาฬมันโดดเดี่ยวจริงๆฮะ เราสามารถเดินขึ้นภูทอกเพื่อชมวิวโดยรอบและกราบไหว้องค์พระที่อยู่บนนั้นได้ครับ แต่ทางขึ้นค่อนข้างชันและน่ากลัวเพราะทำมาจากไม้เกือบทั้งหมด จะหักตอนไหนก็ไม่มีใครทราบ




วิวบนนี้โคตรรรรรรรรรรสวยยยครับบบ ที่บอกว่าเห็นได้ทั้งเมือง คือทั้งเมืองจริงๆฮะเพราะว่าเราสามารถเดินรอบภูทอกครบ 360 องศาเลย ณ ตอนนี้เราอยู่แค่ชั้น 4 หรือ 5 เองนะครับ แต่ความสูงมันไม่ใช่เล่นๆ จุดที่เป็นสระน้ำเล็กๆและมีเจดีย์ตั้งอยู่คือจุดเริ่มต้นที่เราเดินขึ้นมาบนนี้ฮะ



อย่างที่บอกว่าทางเดินกับทางกั้นเป็นไม้เกือบทั้งหมดและบางจุดมันค่อนข้างเก่าแล้วด้วย ใครมีพระก็ขอให้กำไว้แน่นๆ ใครที่กลัวความสูง (เหมือนผม) ก็ขอให้เดินออกห่างจากรั้วไว้ แต่ถ้าเจอเด็กวิ่งเล่นกระโดดไปมา ก็วิ่งสิครับ !! จะรอให้มันพังก่อนหรอไงงง (วันนั้นที่ไปเด็กค่อนข้างเยอะฮะ บางคนก็ซนยิ่งกว่าลิง ถ้าปีนขึ้นเขาได้ทำไปแล้ว)


จุดถ่ายรูปที่นี่เยอะมากๆฮะ หลักๆคือตามหินที่ยื่นออกมาสามารถที่จะไปยืนกระโดดถ่ายภาพสวยๆได้เลย (เด็กทารกและสตรีมีครรภ์ควรได้รับคำแนะนำก่อนกระโดดนะ)



เดินวนกันมาซักพักก็จะเจอกับองค์พระมากมายให้เรากราบไหว้ขอพรก่อนครับ แนะนำว่าขอพรให้เดินขึ้นภูทอกอย่างปลอดภัยฮะ ที่นี่ไม่มีนายหน้าขายประกัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์และไสยศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นฮะ


ที่ภูทอกเราสามารถเดินขึ้นได้ทั้งหมด 7 ชั้นครับ โดยตั้งแต่ชั้นที่ 6 เป็นต้นไปจะไม่มีทางเดินคอนกรีตแล้ว เราจะต้องปีนป่ายเข้าดงหญ้ากันเองซึ่งใครที่ไม่คล่องตัวหรือรองเท้าไม่ค่อยดีแนะนำว่าอย่าเสี่ยงครับเพราะไม่มีรั้วกั้นและทางค่อนข้างชันและบางจุดลื่นมาก แต่วิวที่แลกมามันคุ้มมมมสุดๆไปเลยฮะ



ที่เห็นสีแดงเต็มป่าไปไกลสุดลูกหูลูกตาแบบนั้นไม่ใช่ดอกกุหลาบนะ นั่นคือต้นยางทั้งหมดเลยยยย


เดินกันยันเที่ยงฮะ แค่ที่แรกก็ทำขาเกือบพังแล้ว เราเลยตัดสินใจเตรียมออกเดินทางสู่ประเทศลาวกัน ก่อนจะลาจากภูทอกก็เลยขอเก็บภาพเท่ๆจารึกไว้ในภูทอกแห่งนี้ฮะ

บึงกาฬเป็นจังหวัดน้องใหม่ที่สุดในไทยซึ่งมีที่เที่ยวที่น่าสนใจเยอะมากครับ นี่แค่ที่เดียวเท่านั้นแต่ประทับใจมากๆ ไว้จะมาเยี่ยมเยือนใหม่เอาแบบเต็มสตรีมเลยละกันเนอะ :)


เรามาถึงด่าน ตม. ที่หนองคายประมาณ 4 โมงเย็น ยื่นเรื่องเอกสารนิดหน่อยแล้วขึ้นรถโดยสารข้ามแดนที่ด่านได้เลยครับ ไม่เสียตัง


ช่วงมาถึงพระอาทิตย์ก็ใกล้ตกพอดีฮะ เราเหมารถให้พามาส่งที่โรงแรมในตัวเมืองเวียงจันทน์เลย จริงๆสามารถนั่งรถประจำทางได้แต่ค่อนข้างหายากฮะ และคนที่นี่ขับรถกันสุภาพมากกกก ขับช้าสุดๆ ถ้ามีอุบัติเหตุบนท้องถนนขั้นร้ายแรงสุดคงเป็นรถเฉี่ยวกันเท่านั้น ถ้านั่งรถประจำทางอีกพรุ่งนี้เช้าคงจะถึงโรงแรม พวกเราเลยยอมจ่ายหนักหน่อยเพื่อแลกกะเวลาฮะ (จริงๆเป็นข้ออ้างเพราะขี้เกียจหา 555)


เรามาถึงโรงแรมตอนทุ่มกว่าๆก็เช็คอินเก็บของและออกหากินยามค่ำคืนทันที จุดที่เราพักอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆเยอะเลย ซึ่งในภาพคือประตูชัย Landmark ของเมืองนี้ฮะ เราจะมาลุยกันวันสุดท้ายในลาว


เขาว่ากันว่า เบยลาวถูกกว่าน้ำเปล่า (เบียร์ที่นี่เรียก เบย ครับ) ซึ่งมันถูกกว่าจริงๆฮะ เดินร้านอาหารไหนก็เจอ ร้านตัดผมก็เจอ ร้านกิ๊ฟช๊อปก็ยังเจอ ห้องน้ำก็ยังจะเจอ บนพื้นก็ยังจะเจอ !!! (นั่นเค้าทิ้งว้อยยยย)


หลังจากเติมพลังด้วยอาหารลาวกันเรียบร้อย เราก็เดินย่อยระหว่างทางกลับที่พักซักหน่อยซึ่งมีพนักงานที่ร้านอาหารบอกให้เรามาที่ตึกหลังนี้เพราะเค้ามีงานเตรียมเค้าดาวน์ปีใหม่กัน วัยรุ่นทั่วเมืองจะมารวมกันที่นี่เลย ! โอ้โหวววววววว อยากจะไปสบสายตากับสาววัยสะรุ่นลาวใจจะขาดดด แต่ขอเก็บไว้ให้สาวๆที่นู้นครั่นเนื้อครั่นตัวรอไปละกัน คืนนี้พี่ๆขอไปพักผ่อนก่อนนะจ๊ะ เจอกันทีเดียวในคืนเค้าดาวน์เนอะ คริ

สำหรับภาค 1 พวกผมก็ขอจบลงเท่านี้ก่อนนะฮะ แล้วมาต่อกันใน ภาค 2 กับการตะลอนเที่ยวในดินแดนลาว พวกเราจะไปลุยที่ไหนกัน จะมีเรื่องอะไรสนุกๆไม๊ จะมีใครที่ต้องกลับบ้านไปก่อน รีบโหวตเข้าม...ผิดรายการว้อยยย!  รอติดตามชมกันนะคร๊าบบบบ :D

Saturday, May 9, 2015

Bangkok Stranger...เมื่อผมต้องนำทางฝรั่ง

   เมื่อครั้งที่ผมไปอินโดนิเซีย ผมได้รู้จักกับเพื่อนชาวแคนาดาคนนึงซึ่งหลังจากทริปนั้นก็ทำให้ผมสนิทกับนางมากขึ้น นางได้พูดตั้งแต่ยืนอยู่บนจุดชมวิวท่ามกลางแสงสีทองที่สาดส่องโดยมีวิวของโบรโม่เป็นฉากหลัง สายลมค่อยๆพัดผ่านเส้นผมของเธอคนนั้นให้ปลิวไสวประดุจดั่....เดี๋ยวๆ นี่ชั้นจะทำให้โรแมนติกทำไม !!!? คือนางได้บอกว่าต้นเดือนพฤษภาคมนางจะมาเมืองไทยนะ จะอยู่กรุงเทพ 2 วันเต็มๆ พวกผมเลยบอกไปว่าจะทำการต้อนรับนางอย่างดีเมื่อถึงวันนั้น....ซึ่ง "วันนั้น" แมร่มเร็วยิ่งกว่ารถไฟไทยอีกให้ตายเถอะ ผมได้รับการติดต่อจากนางว่าจะมาถึงไทยวันที่ 1 พ.ค. และได้ส่งแผนการคร่าวๆของนางให้ผมดู เมื่อผมได้อ่านจนจบก็เกิดนึกบ้านึกบออะไรก็ไม่รู้จนได้เอ่ยปากบอกนางไปว่า "เดี๋ยวชั้นจะเป็นไกด์ให้คุณเอง" หลังจากพูดประโยคนี้เสร็จ หัวใจผมกลับเต้นรัว มือไม้สั่น ขนลุก เหมือนเจ้าเข้า ในใจก็คิดไปว่า "นี่กรูวทำอะไรลงป๊ายยยยย !?" เดินอยู่กลางสนามหลวงตรูยังหลงได้เลย! ว่าแล้วก็รีบเปิด Google อ่านข้อมูลต่างๆเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับศึกที่จะมาเร็วๆนี้ เกริ่นซะยาวเลย พี่น้องชาวไทย ขอร่วมเอาใจช่วยไกด์จำเป็นผู้นี้ได้ในรายการ Bangkok Stranger...เมื่อผมต้องนำทางฝรั่งงงงงงงง (ส่ง sms เข้ามาทักทายได้ที่ 48256xx พิมพ์ "ดีด" เว้นวรรค แล้วตามด้วยข้อความ)



   วันนี้ผมมีผู้ติดตามเป็นน้องรหัสที่มหาลัยฯ ซึ่งนางก็ไปทริปอินโดฯกับผมด้วยเช่นกัน อ้อ! ลืมบอกไปว่าทริปนี้ผมอยากให้ได้กลิ่นอายของความเก่านิดๆ เลยอยากลองแต่งภาพให้เหมือนภาพจากกล้องฟิล์มนะฮะ (จริงๆมีที่บ้านตัวนึงแต่มันเก่ามาก แต่ขอไปปัดฝุ่นก่อนเอามาใช้จริงละกันนะ 555)


   สถานที่แรกนางบอกอยากมา Grand Palace ซึ่งแน่นอนว่าผมเตรียมการบ้านมาดีมากจึงสามารถอธิบายได้ว่าจริงๆแล้วพระเอกของที่นี่คือ วัดพระแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระราชวังนะจ๊ะ หลังอธิบายเสร็จก็ให้นางไปซื้อตั๋วค่าเข้าซะก่อน


   

   เมื่อพวกนางเข้ามาในตัววัด เสียงร้องโหยหวนก็ออกจากปากพวกนางทันที นางบอกว่ามัน amazing! incredible! fantastic! beautiful! เว่อวัง อลังการ พระเจ้าช่วยทอดกล้วย โอ้ละแม่ (หลังๆผมเป็นคนร้องเอง)



   ผมเคยมาที่นี่หลายครั้งอยู่เหมือนกัน ส่วนใหญ่คือพาเพื่อนต่างถิ่นมาเที่ยวนี่แหละ แล้วทุกครั้งที่มาผมก็จะชื่นชมภาพจิตกรรมฝาผนังให้เพื่อนๆฟัง ซึ่งส่วนตัวผมก็ยังคิดว่าจิตกรไทยเค้าเก่งกันหมดนะ เทียบได้กับจิตกรระดับโลกเลย คือลายเส้นมันอ่อนช้อยงดงาม รายละเอียดยุบยิบเต็มไปหมด ตอนผมเรียนอยู่สมัยมัธยมก็เคยวาดนะ แต่ภาพเดียวใช้เวลาเป็นวันกว่าจะเสร็จ 5555555




   สถาปัตยกรรมที่นี่ก็ไม่ใช่เล่นๆนะ นี่คงเป็นเสน่ห์ของวัดไทยที่ฝรั่งชื่นชมหล่ะ


   ยืนเหงาๆกัน 2 คนเหงาไหมตะเอง?


   รอเธอออ วันนั้น วันนี้ ตรงนี้ วันที่เท่าไหร่ (ใครรู้จักเพลงนี่แสดงว่าอายุเยอะแล้วนะ 555555)


      จริยธรรม หรือ ทุนนิยม? (เหยดดดดดดด)


   เดินจนจะเป็นกล้วยตาก จากผิวสีขาวอมชมพูกลายเป็นอมเฉาก๊วยแทน เราก็ตัดสินใจพาไปเยี่ยมชมพระราชวังก่อนไปยังสถานที่ต่อไป




   ณเดชก็ณเดชเถอะครับ เจอพี่คนนี้เข้าไป ทัวร์จีน ทัวร์ฝรั่ง แย่งกันถ่ายรูปยิ่งกว่าดาราฮอลลีวู๊ด แต่พี่เค้ามีความอดทนสูงมาก ไม่กระดุกกระดิกซักนิด รอยยิ้มเล็กๆยังไม่มีให้เห็น สุดยอดดด

   สถานที่ต่อไปอยู่ไม่ไกลเลยครับ นางบอกว่าอยากไปวัดโพธิ์



   ระหว่างทางก็ดันมาเจอเซเว่นร้านนี้ บ่องตงว่าเกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นเซเว่นที่ดูเกร๋ วินเทจเรียกพ่อขนาดนี้





   Candid กันซักหน่อยก่อนเข้าวัด...อ่อ เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ Candid เป็น past tense ของ Cando นะครับ ซึ่งหมายควา......มันใช่ซะที่ไหนล้าาาา !! Candid คือภาพที่เราแอบถ่ายชาวบ้านชาวช่องเค้านั่นเอง





   เดินอยู่ในวัดก็มาสะดุดกับแท่นอันนี้ คือผมไม่รู้ว่ามันตั้งมานานหรือยัง แต่ล่าสุดที่มามันยังไม่มีนะ คือเห็นแล้วยิ้มเลยอะ ดูร่วมสมัยมาก ผมอธิบายให้เพื่อนต่างชาติฟัง พวกนางขำมาก

   สถานที่ต่อไปที่เราจะไปกันคือวัดอรุณครับ เราต้องนั่งเรือข้ามฟากกัน แต่น่าเสียดายที่วันนั้นวัดอรุณมีการปิดซ่อมฮะ เราเลยแอบไปเดินเล่นนิดหน่อยก่อนจะข้ามฝั่งกลับมาอีกรอบ





   ต่างชาติหลายๆคนคงไม่เคยนั่งเรือข้ามฟากแบบนี้ครับ นั่งข้ามแค่ 2 ฝั่งแม่น้ำแต่เมื่อรวมกับอนุภาพของเรือและกระแสน้ำอันเกรี้ยวกราดเข้าไปก็เปรียบได้กับเครื่องเล่นในสวนสนุกดีๆนี่เอง คือถ้าดริฟต์แบบรถได้ก็คงจะได้เห็นฉากนี้บ่อยๆแถวท่าน้ำบ้านเราไปแล้ว แต่ที่น่าประทับใจที่สุดคือคนไทยครับ...พอเพื่อนผมขึ้นเรือก็วิ่งไปหาที่เกาะทันทีเพราะพวกนางพยุงตัวไม่อยู่พร้อมทั้งส่งเสียงโวยวายเป็นพักๆ.....ตัดมาที่ภาพคนไทยบนเรือ....พวกเรายืนนิ่งโดยไม่ต้องเกาะอะไรทั้งนั้น ต่อให้เรือจะโคลงเคลงขนาดไหน ต่อให้เรือจะตีลังกาได้หรือไม่ คนไทยก็ไม่หวั่นฮะ ฝรั่งบอกกับผมว่า You guys are amazing! ... ผมพูดในใจตอนนั้นว่า "งั้นเดี๋ยวจะให้เจอสัตว์ประหลาดเมืองไทยละกัน.....ตุ๊ก ตุ๊ก..... หึหึหึ"


   ถึงเวลาให้พวกนางได้เจอกับ "สัตว์ประหลาดเมืองไทย" กันซะที หามาได้ซักพักก็มาเจอกับคนขับสุดเปรี้ยวคนนี้ฮะ พวกนางขอเก็บภาพความประทับใจ (ครั้งสุดท้าย) กับเจ้าของสัตว์ดุร้ายตนนี้พร้อมทั้งถามคนขับรถว่าฝีมือการขับเป็นยังไง คนขับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยแรงอาฆาตของพ่อตาว่า "I am a good driver" ผมเชื่อว่าคนไทยหลายๆคนที่เคยนั่งตุ๊กตุ๊กคงไม่เจอเหตุการณ์สุดระทึกกันเท่าไหร่ เพราะส่วนมากแล้วพวกเค้าจะแสดงพลังด้านมืดต่อหน้าชาวต่างชาติกันเยอะ ซึ่งผมลืมคิดไปว่า วันนั้น......ผม.....ต้องนั่งไปกับฝรั่งนี่นา.....

   พวกเราจัดที่นั่งกันเรียบร้อยพร้อมกับหาที่ยึดเกาะเพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อถึงปลายทางเราจะอยู่กันครบทุกคน เมื่อพร้อมผมก็ได้บอกกับคนขับว่า "พี่ พวกเราพร้อมแล้ว ออกรถได้เลลลลลลลลลลลลลล กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!!!!".....พี่แกไม่มีความปราณีใดๆทั้งสิ้น ต่อให้มีคนไทยอยู่บนรถหรือไม่ก็ตาม แค่เอ่ยรหัสลับว่า "พร้อม" ในประโยคใดๆก็แล้วแต่ นางจะบิดคันเร่งจนความเร็วถึงจุดสูงสุดของรถที่จะทำได้ ล้อหน้าลอยขึ้นมาอย่างง่ายดายราวกับปุยนุ่น ทำมุม 60 องศากับพื้นดิน พวกเรา 4 คนแทบจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวบนเบาะหลังเล็กๆของตุ๊กตุ๊กคันนี้ พี่คนขับโชว์ทักษะทุกอย่างที่นางได้เรียนมาจากอาจารย์บนยอดทิวเขาถนนธงชัย ทำเอาเพื่อนฝรั่งของผมถึงกับพูดออกมาด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติว่า "You said you are a good driver !!??" 5555555555

   จุดหมายของเราคือ ตลาดนัดจัตุจักรครับ จากสนามหลวงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ถ้าตัดเรื่องความน่ากลัวออกไปก็ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อยเลยสำหรับเจ้า "สัตว์ประหลาดตุ๊กตุ๊ก"




   ที่จัตุจักรค่อนข้างเก็บภาพน้อยไปหน่อยเนื่องจากมันร้อนมากกกกกก เอาเวลาส่วนใหญ่ไปเช็ดเหงื่อซะมากกว่า

   พวกนางบอกว่าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคนไทยในด้านทักษะการต่อรองราคาอยู่ไม่น้อย และอยากจะทดสอบวิชาที่ตลาดนัดแห่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ค่อนข้างจะมั่นใจในสกิลปากอยู่มากเลยทีเดียว 5555555 (จริงๆเป็นแผนของพวกนางในการซื้อของฝากกลับบ้านในราคาถูก!)






   หลังจากตะลุยกรุงเทพฯมาทั้งวัน พวกนางถามผมว่ามีที่ไหนที่ดูวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆได้บ้าง บอกตรงๆว่า ผมไม่มีความรู้เลยว่าในกรุงเทพฯจะมีวิวสวยๆให้ชมไม๊ ตอนแรกผมนึกได้แค่ Ghost Tower อันเลื่องชื่อ แต่พอพูดสรรพคุณของตึกนั้นเข้าไปพวกนางก็ขอบายทันที จนสุดท้ายผมนึกออกอยู่ที่นึง ซึ่งค่อนข้างใกล้กับถนนข้าวสาร สถานีสุดท้ายของพวกเราพอดี และผมน่าจะเป็นไกด์ที่ดีของที่นี่ได้ไม่ยากด้วย...มหาลัยฯของผมเองครับ วิวชมพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์


   ตกดึกเราก็มาเดินที่ถนนข้าวสารหรือที่ผมเรียกว่า "ประเทศข้าวสาร" โดยจุดหมายของการมาครั้งนี้ พวกนางบอกอยากมาชิมการนวดแผนไทยของเราและอยากเจอกับแมงป่องทอดตัวเป็นๆ ซึ่งไม่ทันจะเดินเข้าไปยังย่านที่คนพลุกพล่าน พวกเราก็ได้เห็นแมงป่องสมใจครับ พวกเราเดินทอดน่องไปเรื่อยๆเก็บบรรยากาศยามค่ำคืนที่มีแต่ฝรั่งเดินกันยั๊วเยี๊ยะ ผมพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างเมามันส์จนลืมที่จะเก็บภาพยามค่ำคืนไปซะสนิท แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมยอดเลยนะ จะมีซักกี่ครั้งที่เราได้ใช้เวลาไปทั้งวันกับเพื่อนใหม่ที่สื่อสารกันไม่ได้จะราบรื่นมากอย่างที่คิดแต่มันกลับสนุกมากๆ เวลาค่อยๆหายไปทีละเล็กทีละน้อยและผมก็พาพวกนางไปทานผัดไทอันลือชื่อก่อนที่เราจะแยกย้ายกลับกันครับ

   หลายๆสิ่งหลายๆอย่างเราอาจจะเห็นมันผ่านตาอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าคุณลองเพ่งเล็งและใส่ใจมันดีๆ คุณอาจจะเห็นมุมมองบางอย่างที่น่าสนใจก็ได้นะ เหมือนวันนี้ที่ผมได้พาเพื่อนชาวต่างชาติมาเที่ยวในกรุงเทพฯและอาสาเป็นไกด์นำทางพวกเค้าทั้งๆที่ผมเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายเลย มันทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ได้มีแค่พวกเค้าที่เป็นคนแปลกหน้าของที่นี่ แม้แต่ตัวผมเองยังรู้สึกเป็นคนแปลกหน้าที่มาท่องเที่ยวเมืองที่สวยงามแบบนี้เลยครับ นี่แหละนะ Bangkok Stranger :))

ลองเป็นคนที่นำทางคน ถ้าอยากบนต้องอย่าลืมแก้ #มะกรูดคนคม

02/05/2015